สรุปนโยบายปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สรุปนโยบายปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

จากผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2547 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ปรับลดโครงสร้างภาษีดังนี้

             1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

  • ขยายฐานยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้สุทธิ(เงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน)จากเดิม 80,000 บาท เป็น 100,000 บาท โดยให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังไปตั้งแต่ 1 มกราคม 2547 มีผลทำให้ผู้มีเงิน ได้ที่เป็นโสดและมีเงินได้ไม่เกินเดือนละประมาณ 16,000 บาท/เดือนไม่ต้องเสียภาษี
  • เพิ่มค่าลดหย่อนให้ให้บุตรที่อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา(ภาษีแก่ลูกกตัญญู)โดยสามารถหักลดหย่อนได้ทั้งพ่อแม่ตนเอง และคู่สมรสคนละ 30,000 บาท รวมสูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญๆ อาทิ บิดามารดา ต้องมีอายุ 60 ปี ขึ้นไป มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท  และอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้แต่ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่กับลูกก็ได้
  • ปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนRMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) โดยผ่อนปรนให้บุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้หรือผลประโยชน์ใดๆที่ได้รับจากการขายคืนหน่วยหน่วยลงทุนที่ถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จากเดิมที่กำหนดให้ยกเว้นเฉพาะกรณีขายคืนหน่วยลงทุนเมื่อมีอายุ 55 ปีขึ้นไปเท่านั้น

    2. ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับธุรกิจSME

 ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)ที่มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาท ปรับลดอัตราภาษีเป็นดังนี้

 กำไรสุทธิ 1 ล้านบาทแรก  เสียภาษีในอัตราร้อยละ15%(อัตราเดิม20%)

 กำไรส่วนที่เกิน 1 ล้านถึง 3 ล้านบาท เสียภาษีร้อยละ 25

 กำไรส่วนที่เกิน 3 ล้าน บาทขึ้นไป เสียร้อยละ 30  ทั้งนี้มีผลย้อนหลังคือ ใช้บังคับสำหรับกำไรสุทธิในรอบบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป

             3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม  ขยายฐานภาษีผู้ประกอบการขนาดย่อม จากเดิมที่กำหนดให้ให้ผู้ที่มีรายมากกว่า 1.2 ล้านบาท ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ขยายฐานภาษีเป็น 1.8 ล้าน ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่ เดือน เมษายน 2548 เป็นต้นไป   

             4. ยกเว้นภาษีในโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ  และแก่เอกชนที่ดำเนินการปลูกป่าเองเพื่อร่วมในโครงการดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าดั้งแต่ พ.ศ. 2546-2550 เช่นเดียวกับการยกเว้นภาษีที่กำหนดไว้ใน พรฎ.317

             5. หักรายจ่ายได้ 2 เท่า แก่เงินสนับสนุนการศึกษาแก่สถานศึกษาของราชการ (ตามที่กระทรวงศึกษาให้ความเห็นชอบดูพรบ.#420) ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ (นิติบุคคล)หรือของเงินได้ที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ (บุคคลธรรมดา)

Translate